Clair Obscur: Expedition 33 – การผจญภัยสุดลึกลับในโลกแห่งศิลปะและโชคชะตา

Clair Obscur: Expedition 33 เป็นหนึ่งในเกมที่ถูกจับตามองมากที่สุดในปี 2025 พัฒนาโดยทีมสตูดิโอ Sandfall Interactive จากประเทศฝรั่งเศส ภายใต้บริษัท Kepler Interactive โดยเกมนี้ผสมผสานความสวยงามของศิลปะยุค Belle Époque ผสมกับแนวดาร์กแฟนตาซีที่มีเวทมนตร์ สัตว์ประหลาดและแนวแอ็กชันผจญภัย เข้ากับการเล่นเกมแบบ RPG ในสไตล์ญี่ปุ่น พร้อมระบบต่อสู้แนว Turn-Based ที่สร้างความแปลกใหม่ทำให้การเล่นแตกต่างจากเกมอื่นๆ มีเนื้อเรื่องเข้มข้น ลึกซึ้งกินใจ แถมยังมีการออกแบบฉากและดนตรีประกอบที่สื่ออารมณ์ได้อย่างดี จนกลายเป็นกระแสในวงการเกมทั่วโลก

หลังจากเกมเปิดตัวครั้งแรกในงาน Xbox Showcase 2024 และมีกำหนดวางจำหน่ายบนแพลตฟอร์มหลักอย่าง PlayStation 5, Xbox Series X/S และ PC ซึ่งหลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 เมษายน 2025 ก็สามารถสร้างยอดขายถล่มทลาย พร้อมเสียงตอบรับจากนักวิจารณ์ในระดับสูงสุด

วีดีโอตัวอย่างเปิดตัวของเกม Clair Obscur: Expedition 33


“เมื่อศิลปะกลายเป็นโชคชะตา”

โลกในเกม Clair Obscur: Expedition 33 ถูกออกแบบมาให้มีลักษณะเหนือจริง (surreal) และงดงามราวกับภาพวาด โดยในเกมนี้เราจะได้เล่นเป็นตัวละครที่อาศัยอยู่ในเกาะลูมิแยร์ เกาะที่ตั้งอยู่ใกล้กับเสาหินปริศนาที่มีตัวเลขปรากฎอยู่ โดยผู้คนที่อาศัยบนเกาะจะต้องพบเจอกับเหตุการณ์ลึกลับที่จะลบเลือนผู้ที่มีอายุเท่ากับตัวเลขบนเสา ซึ่งเหตุการณ์นี้ถูกเรียกว่าการ “Gommage” ซึ่งเป็นโชคชะตาที่ผู้คนบนเกาะไม่สามารถหลีกหนีได้

Clair Obscur Expedition 33-Story

ในทุกๆ ปี ศิลปินผู้มีอำนาจสูงสุดที่เรียกว่า “Paintress” จะตื่นขึ้นมาและวาดหมายเลขของอายุของผู้ที่จะถูกลบเลือนให้หายไปจากโลกใบนี้ลงบนเสาหินโบราณ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวจะลดลงทุกปีจนกระทั่งมาถึงหมายเลข 33 หลังจากจบพิธี Gommage ทางลูมิแยร์จะส่งคณะสำรวจอาสาสมัครไปยังเสาหินเพื่อหาทางพยายามสังหาร Paintress ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นมาวาดหมายเลขใหม่อีกครั้ง โดยคณะสำรวจปัจจุบันหรือที่เรียกว่า Expedition 33 ที่เข้าร่วมโดยผู้ที่ปฏิเสธที่จะยอมจำนนต่อโชคชะตานี้ ได้ออกเดินทางไปยังต้นตอของอำนาจของ Paintress เพื่อค้นหาความจริงเบื้องหลัง Paintress และการเปลี่ยนแปลงโลกพร้อมกับหยุดวงจรอันโหดร้ายนี้

ผู้เล่นจะสวมบทเป็นสมาชิกของ กลุ่ม Expedition 33 คณะสำรวจที่จะออกเดินทางไปสู่เสาหินโบราณในปีนี้ โดยผู้เล่นจะได้พบกับความขัดแย้งทางจิตใจ ปริศนาในอดีตของสมาชิกภายในทีม และคำถามใหญ่ของชีวิต เช่น “โชคชะตาเปลี่ยนได้หรือไม่?”, “การมีชีวิตอยู่มีค่าแค่ไหน หากไม่มีอิสระ?” ซึ่งนี่เป็นการ ผูกโยงธีมของศิลปะเข้ากับพลังแห่งชีวิตและความตาย โดยทางทีมพัฒนาได้ออกแบบให้บรรยากาศภายในเกมคือโลกที่ทุกคนรู้ว่าชีวิตจะถูกกำหนดโดยผลงานศิลปะ ทำให้ผู้คนหมดหวังและยอมรับชะตากรรม จากการให้ Paintress ใช้แปรงแทนดาบ ใช้การวาดภาพเป็นการสังหาร แถมยังออกแบบฉากในเกมที่เน้นไปที่ซากปรักหักพังที่สะท้อนอารยธรรมที่สูญสลายที่สื่อถึงความหม่นหมอง ความเศร้า ความเจ็บปวดและความสิ้นหวัง ซึ่งเป็นแนวคิดที่ลึกซึ้ง งดงามและน่าสะเทือนใจในเวลาเดียวกัน


“ระบบการต่อสู้สุดล้ำ”

ระบบการต่อสู้ของเกม Clair Obscur: Expedition 33 คือหนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้เกมนี้ได้รับคำชมอย่างมาก เพราะเป็นการผสมผสานระหว่าง การวางแผนแบบเทิร์นเบส (Turn-Based) และ Action RPG แบบเรียลไทม์ ได้อย่างลื่นไหล สร้างประสบการณ์ที่ทั้งวางแผนได้ลึก และสนุกในเชิงการควบคุม เช่น:

  • ผู้เล่นต้องกดปุ่มในจังหวะที่เหมาะสม เพื่อหลบการโจมตีหรือป้องกันการโจมตีของศัตรู เพื่อสวนกลับการโจมตี
  • มีระบบ Quick Time Event (QTE) ในบางท่าโจมตี ที่ช่วยเพิ่มความเร้าใจในการเล่น
  • มีระบบธาตุ ที่ส่งผลต่อดาเมจเมื่อโจมตีศตรู ดังนั้นการจัดทีมและตำแหน่งในสนามมีผลต่อชัยชนะ
  • มีระบบการพัฒนาตัวละครและปรับแต่งสกิลที่ให้ผู้เล่นสามารถเลือกแนวทางการพัฒนาตัวละครได้ เช่น สายโจมตี สายป้องกัน สานเน้นคริติคอล

ระบบนี้ทำให้การต่อสู้ไม่น่าเบื่อ และท้าทายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับบอสในแต่ละด่านที่มีรูปแบบการโจมตีที่ไม่ซ้ำกัน

Clair Obscur Expedition 33-Battle System

“ดื่มด่ำกับบรรยากาศในโลกแห่งศิลปะอันเหนือจริง”

โลกในเกมได้รับแรงบันดาลใจจากยุค Belle Époque ของฝรั่งเศส (ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20) ซึ่งเป็นยุคแห่งศิลปะ สถาปัตยกรรม และแฟชั่น ผสมผสานกับจินตนาการเหนือจริง โดยทางทีมออกแบบมีการแฝงมุมมองทางปรัชญาผ่านการตีความเรื่องการต่อสู้กับบาดแผลภายในจิตใจและความโศกเศร้าของผู้ที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักในมุมมองของ “โลกที่กำลังเสื่อมสลาย” จึงมีการเล่าเรื่องผ่านสภาพแวดล้อมที่ผุพัง การออกแบบฉากต่าง ๆ ด้วยโทนสีหม่น และให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในภาพวาดของศิลปินชื่อดังในอดีต

Clair Obscur Expedition 33-Scene 1

เกมนี้ใช้ Unreal Engine 5 ในการพัฒนา ซึ่งทำให้ภาพกราฟิกในเกมมีความละเอียดสูง และยังมีระบบ Lumen และ Nanite ช่วยให้ฉากสะท้อนแสงและเปลี่ยนสภาพได้แบบเรียลไทม์

Clair Obscur Expedition 33-Scene 2

“จมลึกไปกับดนตรีประกอบที่ตราตรึงใจ”

อีกหนึ่งไฮไลต์ของเกมคือเพลงประกอบที่แต่งโดย Lorien Testard และร้องโดยนักร้องโอเปร่าชื่อดัง Alice Duport Percier ที่มีเสียงร้องอันโดดเด่นที่ผสมผสานระหว่างความหวานและความโศกเศร้า กับ Victor Borba มาร่วมสร้างผลงาน 154 บทเพลงที่รวมกันแล้วมีความยาวกว่า 8 ชั่วโมง ทำให้ผู้เล่นรู้สึกอินกับเนื้อเรื่องและบรรยากาศในเกมได้อย่างเต็มที่

เพลงประกอบของเกมนี้ยังติดอันดับชาร์ตเพลงคลาสิก 50 อันดับแรกของ Billboard และได้รับการสตรีมมากกว่าหนึ่งล้านครั้งต่อเดือนบน Spotify


Clair Obscur: Expedition 33 ไม่ได้เป็นเพียงแค่เกม RPG ทั่วไป หากแต่คือประสบการณ์ทางศิลปะและปรัชญาที่ถักทออย่างประณีต ผ่านการเล่าเรื่องอันลุ่มลึก การออกแบบภาพอันงดงาม และดนตรีที่ตราตรึงใจ ระบบการเล่นที่แปลกใหม่และท้าทายมอบความรู้สึกเข้มข้นในทุกจังหวะ ทำให้เกมนี้กลายเป็นหนึ่งในผลงานที่ครองใจผู้เล่นจำนวนมาก ที่เคยได้สัมผัสกับเสน่ห์แห่งโลกของ Clair Obscur มาแล้วอย่างยากจะลืมเลือน

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเกมที่มีเนื้อเรื่องเข้มข้น ตัวละครน่าจดจำ และภาพสวยระดับภาพยนตร์ Clair Obscur: Expedition 33 คือหนึ่งในเกมที่ไม่ควรพลาดประจำปีนี้เลยที่เดียว หากใครสนใจสามารถดาวน์โหลดมาเล่นได้แล้ววันนี้ผ่านทาง steam และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ช่องทางอย่างเป็นทางการของเกมไม่ว่าจะเป็น Twitter(X), Instagram, Youtube, Tiktok หรือเว็บไซต์ expedition33.com

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : expedition33.com, steam (Clair Obscur: Expedition 33)